สรุปภาวะตลาด
“จะเกิดอะไร? ถ้ารัสเซียบุกยูเครน”
ปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศระหว่างรัสเซียและยูเครน ยังคงเป็นปัจจัยที่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว และเป็นปัจจัยที่กดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า
ผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน
ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ปรับตัวลดลงจากแรงกดดันความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศข้างต้น ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องจากการไหลเข้าของแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติจากการที่ laggard ในปีที่ผ่านมา ขณะที่เศรษฐกิจกำลังกลับมาฟื้นตัวจากฐานต่ำ
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
ติดตามการตัดสินใจของรัสเซียว่าจะบุกยูเครนหรือไม่ รวมถึงการดำเนินการของชาติมหาอำนาจอื่นๆ เช่นสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ดีเราคาดว่าจะเป็น sentiment ลบต่อตลาดในระยะสั้น ปัจจัยติดตามอื่นติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ core PCE และยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ เป็นต้น
กลยุทธ์การลงทุน
ในสัปดาห์นี้ยังคงคาดว่าตลาดหุ้นจะได้รับ sentiment ลบจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงชาติพันธมิตร และน่าจะยังอยู่ใน risk off mode ต่อไป ซึ่งจากสถิติในอดีตตั้งแต่ปีค.ศ. 1941 พบว่าดัชนี S&P500 ปรับตัวลงเฉลี่ย 5% ในช่วงที่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ในการฟื้นตัว ดังนั้นนักลงทุนระยะสั้นที่ได้ lock profit ตามที่เราแนะนำช่วงก่อนหน้าอาจกลับมาทยอยลงทุนโดยแบ่งเงินเป็น 2-3 ก้อน เนื่องจากตลาดปรับตัวลง 2 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว ขณะที่นักลงทุนระยะยาวสามารถทยอยลงทุนได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้เรามองว่าความขัดแย้งทางการเมืองจะส่งผลลบต่อ sentiment ของตลาดในระยะสั้น แต่ไม่ได้ส่งผลต่อกำไรของบริษัทในระยะยาว
โดยกองทุนที่น่าสนใจลงทุนยังคงเป็น LHSEMICON, LHROBOTE, LHCYBER, LHDIGITAL และ LHMSFL
ที่มา LH Fund 22 ก.พ. 65