สรุปภาวะตลาด
จับจังหวะ หาโอกาสลงทุนในช่วงที่ตลาดกังวลเงินเฟ้อสูงกว่าคาด
อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือนม.ค. อยู่ที่ 7.5% สูงกว่าคาดที่ 7.2% ขณะที่ core inflation เพิ่มขึ้น 6% ใกล้เคียงคาดที่ 5.9% อัตราเงินเฟ้อที่ 7.5% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี เจาะลึกลงไปพบว่าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากทั้งส่วนที่เป็นชั่วคราวและถาวร อย่างไรก็ดีส่วนที่เป็นเงินเฟ้อถาวรเช่นค่าที่พักแม้จะยังปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% mom แต่ปรับเพิ่มขึ้นน้อยสุดนับแต่เดือนส.ค. 2564
Market Movement
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลง 1.8% และ 2.1% ตามลำดับ ขณะที่ US bond yield 2 และ 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1.6% และ 2.03% ตามลำดับ CME FED Watch แสดงให้เห็นว่านักลงทุนคาดว่ามีโอกาสที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 1.5% ในปีนี้ และ 85% คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนมีนาคม
มุมมอง LHFund
คาดมีโอกาสมากขึ้นที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนมีนาคม แต่ให้น้ำหนักกับการขึ้นดอกเบี้ย 6-7 ครั้งในปีนี้ไม่มากนัก เนื่องจากมองว่าการที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจาก demand pull ตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น การขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วและมากเกินไปจะส่งผลลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้เมื่อดู 2-10 spread ของ US bond yield ในปัจจุบันอยู่ที่ 0.42% ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ ดังนั้นหากขึ้นดอกเบี้ยรวดเร็วอาจทำให้ 2-10 spread เกิด inverted yield curve ซึ่งอาจเป็น indicator ที่บ่งบอกวิกฤติเศรษฐกิจได้ (ในช่วงการขึ้นดอกเบี้ยปลายปี 2015 ค่า 2-10 spread อยู่ที่ 1.4-1.5%) เรามองว่าตลาดได้ priced in การขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนมีนาคม และขึ้นดอกเบี้ย 6 ครั้งในปีนี้ไปค่อนข้างมากแล้ว ปัจจัยลบที่เหลือจากนี้คือการเริ่มทำ Quantitative Tightening (QT) เลยในเดือนมีนาคม ซึ่งเรามองมีโอกาสค่อนข้างน้อย
คำแนะนำการลงทุน
ดังนั้นเราจึงมองว่าการที่หุ้นกลุ่ม growth ปรับตัวลงเป็นโอกาสในการทยอยลงทุน โดยหากเป็นผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและลงทุนระยะยาวสามารถเริ่มทยอยลงทุนได้เลย ขณะที่ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ไม่สูงมากแนะนำทยอยลงทุนเมื่อเข้าใกล้การประชุม FED ในเดือนมีนาคม โดยหุ้นกลุ่ม quality growth ที่แนะนำเช่น LHDIGITAL และ LHSEMICON เป็นต้น นอกจากนี้การที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น หุ้นอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์คือกลุ่ม Value โดยตลาดหุ้นไทยมีหุ้น value เช่น ธนาคาร, พลังงาน เป็นส่วนใหญ่ในดัชนี จึงน่าจะได้รับประโยชน์จาก fund flow นักลงทุนต่างชาติ โดยมีกองทุนแนะนำเช่น LHSELECT, LHEQDPLUS และ LHMSFL เป็นต้น โดยเหมาะกับการลงทุนระยะกลางยาว กองทุนกลุ่มอื่นๆ ที่น่าสนใจเช่น LHVN (Theme กำไรเติบโตดี แต่ Laggard valuation) และ LHCHINA (Theme Laggard, แต่มี LT growth ที่ดี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล) เหมาะกับการลงทุนระยะกลางยาว
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ที่มา LH Fund 11 ก.พ. 65