สรุปภาวะตลาด
“ยังไงดีถ้า..เงินเฟ้อยังสูง เศรษฐกิจยังชะลอตัว
แถมเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด”
ติดตามกันใน Weekly market update ในฉบับนี้ครับ
อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนธ.ค. อยู่ที่ 7% ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี แต่ใกล้เคียงคาดการณ์ ขณะที่คณะกรรมการ FOMC หลายท่านคาดว่าอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าคาด และทำการลดสภาพคล่องหรือ Quantitative Tightening (QT) เร็วกว่าปกติ ทำให้ Bond yield ทั้งรุ่นอายุ 2 ปี และ 10 ปีของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปที่ 0.97% และ 1.78%
ผลกระทบต่อตลาดทุน
หุ้น Growth ปรับตัวลงเล็กน้อยในสัปดาห์นี้แต่ไม่มากเท่าสัปดาห์ก่อนหน้า โดย Bond yield รุ่นอายุ 2 ปี มีแนวโน้มรับรู้การขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งไปแล้ว เรามองการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปเป็นโอกาสในการทยอยลงทุน ขณะที่การกระจายการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ และได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เช่นตลาดหุ้นไทย และเวียดนาม รวมถึงหุ้นกลุ่มที่ laggard ในปีที่แล้ว แต่มีแนวโน้มเติบโตที่ดีในระยะยาวก็มีความน่าสนใจในการลงทุนเช่นกัน
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนเดือนธ.ค. ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ เดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคผู้บริโภคเดือนธ.ค. เป็นต้น โดยนักลงทุนมีแนวโน้มหันมาให้ความสนใจกับการขยายตัวของเศรษฐกิจมากขึ้นหลังอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มการขยายตัวชะลอลงอาจเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยงได้
กองทุนใดน่าจะทำผลงานได้ดี ในช่วงความไม่แน่นอนยังสูง
กองทุนที่เข้า theme การลงทุนข้างต้นเช่น LHSEMICON ซึ่งลงทุนใน value chain ของกลุ่มผู้ผลิตชิปตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ LHGROWTH, LHMSFL สำหรับผู้ต้องการลงทุนหุ้นไทย และ LHVN สำหรับผู้ต้องการลงทุนกับการเติบโตในระยะยาวของเศรษฐกิจเวียดนาม
ที่มา LHFund 17 ม.ค. 65