สรุปภาวะตลาด
ตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร?
ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวในกรอบแคบ โดยความกังวลเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้ในสหรัฐฯ การขาดแคลนพลังงาน และราคาพลังงานที่สูงขึ้น คลี่คลายลงในช่วงปลายสัปดาห์ โดยสมาชิกสภาครองเกรสสามารถตกลงกันเพื่อขยายเพดานหนี้ออกไปชั่วคราวจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม ขณะที่เริ่มเห็นความพยายามของจีนและรัสเซีย เพื่อแก้ปัญหาราคาพลังงานแพงอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้น ASEAN ปรับตัว outperform ตลาดหุ้นอื่นๆ
มุมมองการลงทุนในสัปดาห์นี้
ตลาดหุ้น
ผลจากการคลายความกังวลเกี่ยวการขยายเพดานหนี้และการขาดแคลนพลังงานอาจทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น แต่การที่ยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด อาจทำให้นักลงทุนกลับมาให้น้ำหนักมากขึ้นกับเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวลงมากกว่าคาด และอาจขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงก่อนการประกาศงบไตรมาส 3/2564 จึงคาดตลาดยังคงปรับตัวในกรอบแคบต่อไป โดยหุ้นกลุ่มที่มีโอกาส outperform ตลาดโดยรวมในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้าคือหุ้นกลุ่ม Value, Cyclical เช่น ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศใน EM ที่ laggard และเศรษฐกิจอาจกลับมาฟื้นตัวในปีหน้าเช่น ASEAN เป็นต้น ส่วนหุ้นจีน (offshore) นั้นคาดว่ามีโอกาส bottom out ในช่วงปลายปีนี้ ในส่วนของหุ้นเทคโนโลยียังมีโอกาส underperform ในช่วงที่ Bond yield และ Real yield ยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อาจเป็นโอกาสทยอยสะสมสำหรับผู้ลงทุนระยะยาว และรับความผันผวนสูงได้
PF&REITs
คาด REITs เอเชียรวมถึงไทยมี downside risk ค่อนข้างจำกัด จากราคาที่ laggard โดยหากการฉีดวัคซีนก้าวหน้าจะเป็นปัจจัยหนุน REIT กลุ่มนี้ได้ รวมถึงมีอัตราเงินปันผลที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Global REITs จึงน่าจะ outperform ได้ในระยะถัดจากนี้
กลยุทธ์การลงทุน และกองทุนที่น่าสนใจ
ระยะยาว ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นมากกว่า REITs และตราสารหนี้ เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่จะไม่ปรับตัวขึ้นรวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา เพราะสภาพคล่องในระบบลดลง รายได้และกำไรของบจ. บางประเทศที่ชะลอลง แนะนำ Buy on Dip โดยแนะนำ
LHJAPE (ระดับความเสี่ยง 6 และมี FX Risk): นโยบายภาครัฐยังสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ Valuation ถูกกว่าสหรัฐฯ และยุโรป กำไรต่อหุ้นถูกปรับขึ้น ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ และมักปรับตัวขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี
LHTPROP (ระดับความเสี่ยง 8) และ LHPROPIA (ระดับความเสี่ยง 8 และมี FX Risk) ซึ่งมีโอกาสได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจหลังผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น มีอัตราเงินปันผลปี 2022 สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และยัง laggard
LHMSFL และ LHSMARTDSSF (ระดับความเสี่ยง 5): สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษี โดยแนะนำทยอยลงทุนเมื่อ SET Index ปรับตัวใกล้ระดับ 1,600 จุด +/- โดยคาดเมื่อเข้าใกล้ช่วงประกาศผลการดำเนินงานบจ. ไตรมาส 3 จะมีโอกาสในการทยอยสะสม
ความเสี่ยง: ตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาจมีการปรับฐานหากมีปัจจัยลบแม้เพียงเล็กน้อยเข้ามาในระยะสั้น ซึ่งเป็นโอกาสเข้าลงทุนอีกครั้ง ทั้งนี้แนะนำลงทุนให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเป้าหมายผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุน
Key Event ในสัปดาห์นี้
ต่างประเทศ
อัตราเงินเฟ้อทั้งฝั่งผู้ผลิต (PPI) และฝั่งผู้บริโภค (CPI) โดยคาดเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิตปรับตัวขึ้นแรงจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน
ดุลการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งล่าสุดจีนดำเนินการซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ได้เพียง 60% จากข้อตกลง
ภายในและต่างประเทศ
ผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ของบริษัทจดทะเบียน โดยอาจชะลอลงเทียบไตรมาสก่อนหน้า
ที่มา LHFund 8 ต.ค. 64