สรุปภาวะตลาด
Bond Yield ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง
- ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดการเงินโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีดังต่อไปนี้
- ผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ภายหลังการปรับลดที่สะท้อนถึงการลดลงของอัตราดอกเบี้ยถึง 5 ครั้ง ซึ่งเกินกว่าที่ Dot plot ได้บ่งชี้ไว้ที่ 3 ครั้ง เราจึงเห็นโอกาสที่ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ราว 4.25% การเพิ่มขึ้นนี้อาจนำไปสู่การทำกำไรในระยะสั้น แต่โดยรวมแล้วบรรยากาศการลงทุนยังคงดีอยู่ สนับสนุนด้วยสองปัจจัยหลัก ประการแรกคือ ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 216,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 175,000 ตำแหน่ง และสูงกว่าตัวเลขเดือนพฤศจิกายนที่ 173,000 ตำแหน่ง ประการที่สองคือ การที่แกนนำพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันได้บรรลุข้อตกลงเรื่องงบประมาณปี 2567 ด้วยวงเงิน 1.59 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิด Government shutdown ได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ในส่วนของตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET Index ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.11 จุด (+0.9%) มาที่ 1,427.96 จุด โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นไทยราวๆ 2,100 ล้านบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กองทุนในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิประมาน 100 ล้านบาท
- 11 ม.ค. สหรัฐฯ: เงินเฟ้อ เดือนธันวาคม YoY โดยคาดการณ์ที่ 3.3% โดยเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 3.1%
- 11 ม.ค. จีน: เงินเฟ้อ เดือนธันวาคม YoY โดยคาดการณ์ที่ -0.3% โดยเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ -0.5%
- 12 ม.ค. จีน: การส่งออก เดือนธันวาคม YoY โดยคาดการณ์ที่ 1.5% โดยเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 0.5%
- โดยในระยะสั้น กลุ่มสินทรัพย์ และประเทศที่ Underperform (ขึ้นน้อยกว่าดัชนี S&P500 ในปีนี้) นั้นจะเริ่มเห็นการกระจายเม็ดเงินลงทุนกลับมาสะสมซื้อมากขึ้น ไปจนถึงไตรมาส 1 ปี 2024
- แนะนำ LHGEQ จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าถึงจุดพีคแล้ว โดยการลงทุน ที่เน้นเลือกหุ้นรายตัวที่มีอีตราการเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นผู้นำตลาด ในแต่ละอุตสากรรม ในแต่ละประเทศและมีอัตราส่วนหนี้ต่ำ
- แนะนำ LHEQD เน้นลงทุนในหุ้นไทยปันผลสูง ซึ่งหุ้นกลุ่มปันผลมัก Outperform ในช่วงไตรมาส 1 ก่อนการประกาศจ่ายปันผล
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
