สรุปภาวะตลาด
"ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ หากต่ำกว่าคาดจะช่วยหนุนสินทรัพย์เสี่ยง"
การจ้างงานสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่งกว่าคาด แสดงให้เห็นผ่านตำแหน่งงานเปิดใหม่ และการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่แม้จะลดลงจากเดือนก่อนแต่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้นักลงทุนกังวลว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยสูงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีการที่ค่าจ้างรายชั่วโมงเพิ่มขึ้น 0.3% mom และ 4.6% yoy น้อยกว่าคาดช่วยลดความกังวลดังกล่าวได้ ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทั้งภาคการผลิตและภาคบริการหดตัวลงจากเดือนก่อนต่อเนื่อง แสดงแนวโน้มการชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังลดลง ทำให้ S&P500 และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.5% และ 1% ตามลำดับ หลังค่าจ้างรายชั่วโมงเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้นเกือบ 6% หลังเงินเฟ้อยุโรปและเยอรมนีเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ขณะที่ตลาดหุ้นจีนทั้ง H และ A Shares เพิ่มขึ้น 3-5% จากผลดีของการเปิดเศรษฐกิจและ regulatory risk ที่ลดลงหลังรัฐบาลจีนอนุญาติให้ Ant Group ทำการ IPO ได้ เช่นเดียวหุ้นเวียดนามที่เพิ่มขึ้น 5.2% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 และ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 4.26% และ 3.56% และ Dollar Index ทรงตัวที่ 104 จุด
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐฯ เดือนธ.ค. (คาดลดลงมาอยู่ที่ 6.5% yoy จาก 7.1% yoy เดือนก่อน)
- อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ เดือนธ.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 0.3% mom จาก 0.2% mom เดือนก่อน)
- Initial Jobless Claim รายสัปดาห์ที่คาดเพิ่มขึ้นเป็น 220,000 ตำแหน่ง (จาก 204,000 ตำแหน่ง สัปดาห์ก่อน)
- การจ้างงานที่ร้อนแรงของสหรัฐฯ คาดส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการแรงงานโดยเฉพาะในภาคบริการ ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลที่เพิ่มขึ้นในช่วงปีใหม่ และมีแนวโน้มค่อยๆ ชะลอลงในระยะถัดไป ขณะที่ค่าจ้างรายชั่วโมงเริ่มเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากช่วงก่อนหน้า และ เศรษฐกิจที่ชะลอลง ทำให้คาดว่า FED ไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง
- สัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นอาจเคลื่อนไหว sideway และจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด และจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นเติบโตได้
- หุ้นไทย ยังน่าสนใจลงทุนด้วยการฟืนตัวต่อเนื่องจากนักท่องเที่ยวและการบริโภคมองใน 4 เดือนแรกของปีหุ้นปันผลเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจลงทุน
- หุ้นเวียดนาม แนะนำทยอยลงทุนระยะยาว 5 ปี ขึ้นไป
- ตราสารหนี้ระยะกลางยาวมีโอกาสได้รับประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ที่ลดลง
กองทุนแนะนำ
LHSTRATEGY, LHEQD, LHVN, LHGINCOME
ที่มา LHFUND, Bloomberg, CNBC, Investing 8 ม.ค. 66
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
