สรุปภาวะตลาด
เหตุการณ์ที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
•ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯรุ่นอายุ 10 และ 30 ปี ได้ปรับตัวลดลงกว่า 0.28% (จากวันที่ 31 ต.ค.) ลงมาที่ระดับ 4.65% และ 4.81% ตามลำดับ
•โดยระดับดอกเบี้ยในตลาดที่ปรับตัวลดลงนั้น ได้ส่งผลทำให้นักลงทุนทั่วโลกลดความกังวลต่อภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง ที่ทั้งส่งผลลบต่อต้นทุนทางการเงินของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยยังมีความสัมพันธ์ในทางตรงข้ามต่อราคาสินทรัพย์ (ดอกเบี้ยขึ้น ราคาสินทรัพย์ลง, ดอกเบี้ยลง ราคาสินทรัพย์ขึ้น) โดยดัชนี S&P500 และ Nasdaq ได้ปรับตัวขึ้นกว่า 5.85% และ 6.61% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
•ในส่วนของตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET Index ได้ปรับตัวสูงขึ้น 31.53 จุด (+2.27%) ในสัปดาห์นี้ โดยตลาดได้มีการฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลดลงกว่า 12% ในเดือนก.ย.-ต.ค. โดยการที่ระดับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก หลังจากการประชุมธ.กลางสหรัฐฯ และผลประกาศการออกพันธบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นั้นได้ทำให้ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยกับตลาดโลกลดลง ในขณะที่ภาวะที่เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงทางด้านหนี้สินของผู้บริโภคต่างๆ
- 6 พ.ย. ไทย: CPI YoY เดือนต.ค. โดยคาดการณ์ที่ 0.10% (ต่ำกว่าเดือนก.ย.ที่ 0.2%)
- 7 พ.ย. จีน: Trade Balance เดือนต.ค. โดยคาดการณ์ที่ $84.20b (เกินดุลมากกว่าเดือนก.ย.)
- 7 พ.ย. สหรัฐฯ: Trade Balance เดือนก.ย.โดยตลาดคาดการณ์ที่ -60.5 b (ขาดดุลต่ำกว่าเดือนส.ค.)
- 9 พ.ย. จีน: CPI YoY เดือนต.ค. โดยคาดการณ์ที่ -0.2% m/m
- 9 พ.ย.- 15 พ.ย. จีน: PPI YoY เดือนต.ค. โดยคาดการณ์ที่ -2.8% m/m
- 10 พ.ย. สหรัฐฯ: U. of Mich. Sentiment เดือนพ.ย. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 63.5 จุด (ต่ำกว่าเดือนก.ย.ที่ 63.8)
•หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทั่วโลก ได้เผชิญกับแรงเทขายมาตลอดในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา จากความกังวลต่ออัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยผลการประชุมธ.กลางสหรัฐฯ และกระทรวงการคลังของสหรัฐฯเริ่มส่งผลให้ตลาดเริ่มมองว่า อัตราดอกเบี้ยในตลาดนั้นมีโอกาสสูงที่อาจจะได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว แนะนำกองทุน LHGEQ กระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เน้นลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพดี
•ระยะกลางถึงยาว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯรุ่นอายุ 10 ปีทะลุทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 5.0% ในเดือนต.ค. นี้ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากปริมาณการออกพันธบัตรใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม เรามองว่าตัวเลขเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4 ทำให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรไม่น่าสูงขึ้นได้อีกมาก แนะนำกองทุน LHHEALTH เหมาะกับตลาดทั้งขาลงและขาขึ้น มีสัดส่วนประมาณ 50% ใน pharmaceutical และ healthcare services ที่ค่อนข้าง defensive ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในปัจจัย 4
•หุ้นไทย จากระดับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทย ได้ปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกันกับพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการลดแรงกดดันต่อธนาคารแห่งประเทศไทย หลังจากที่ได้ทำการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากว่า 2% ในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา แนะนำกองทุน LHGROWTH และ LHMSFL จากภาพแรงกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรทั้งไทยและสหรัฐฯที่มีแนวโน้มลดลง
ที่มา LHFUND, CNBC, Investing.com, Bloomberg, ThaiPBS
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
