สรุปภาวะตลาด
“สถานการณ์ขยายเพดานหนี้สหรัฐฯคลี่คลาย กนง. ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อลดลง”
- สภาผู้แทนสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ได้สำเร็จ ด้วยคะแนนเสียง 314 ต่อ 117 เสียงโดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีชื่อว่า พ.ร.บ ความรับผิดชอบทางการคลัง (Fiscal Responsibility Act) ซึ่งจะส่งต่อเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาสหรัฐฯ และหากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบกฏหมายดังกล่าว ก็จะส่งต่อให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามเป็นกฏหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ซึ่งกระบวนการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องเสร็จสิ้นก่อนวันครบกำหนดเส้นตายในวันที่ 5 มิถุนายนนี้
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 0.36 จุด หรือประมาน 0.02% โดยปิดสัปดาห์ที่ระดับ 1,531.20 จุด จากอานิสงส์ความชัดเจนในการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- ที่ประชุม กนง. มีมติเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 2.00% ในขณะที่คงคาดการณ์ GDP ปี 2566 ที่ขยายตัว 3.6% และในปี 2567 คาดว่าจะโต 3.8% และมีการปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อลงเหลือ 2.5% ในปี 2566 จากเดิมที่คาด 2.9% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อปี 2567 อยู่ที่ 2.4%
- ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Dow S&P 500 และ Nasdaq ปรับขึ้น 2.0% และ 1.8% ตามลำดับ หลังจากที่สภาล่างของสหรัฐผ่านกฎหมายเพดานหนี้ เรียบร้อย
- กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 339,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 29 นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานในเดือน พ.ค. ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 12 เดือน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 341,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังการเปิดเผยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.4%
- 5-Jun สหรัฐ ISM ภาคบริการ (พฤษภาคม) คาดว่าอยู่ที่ 52.5 โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 51.9
- 6-Jun ไทย ดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน (พฤษภาคม) คาดว่าอยู่ที่ 1.6% YoY โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 2.7% YoY
- 7-Jun จีน การส่งออก (พฤษภาคม) คาดว่าอยู่ที่ -2.7% YoY โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 8.5% YoY
- 9-Jun ดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐาน (พฤษภาคม) คาดว่าอยู่ที่ 0.2% YoY โดยเดือนก่อนอยู่ที่ 0.1% YoY
- ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้น 2 สัปดาห์ติดต่อกัน จากภาพการจัดตั้งรัฐบาลที่มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น ในขณะที่ปัจจัยกดดันจากต่างประเทศในเรื่องการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯมีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน อีกทั้งเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีจากปีก่อน โดย กนง.ยังคงคาดการณ์ GDP ปี 2566 ที่ขยายตัว 3.6% และในปี 2567 คาดว่าจะโต 3.8% แนะนำ LHGROWTH แนะนำทยอยสะสม เพื่ออิงกับแนวโน้มตลาดที่มีการฟื้นตัวจากการคลายความกังวลจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ
- จากแนวโน้มการคาดการณ์เงินเฟ้อของ กนง. ที่มีท่าทีชะลอตัวลง จะเห็นได้จากการปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อลงเหลือ 2.5% ในปี 2566 จากเดิมที่คาด 2.9% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อปี 2567 อยู่ที่ 2.4% ทำให้แรงกดดันด้านอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นลดลงในกลุ่ม Property fund, REITs และ Infrastructure Fund แนะนำ LHTPROP
ที่มา CNBC, Bangkokbiznews, Investing, RYT9, Bloomberg
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
