สรุปภาวะตลาด
“กองทุนไหนน่าลงทุนเมื่อ..ตลาดหุ้นฟื้นแรงทั่วโลก”
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 โดยปรับเพิ่มขึ้น 0.25% ตามคาด และมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องทุกการประชุมหลังจากนี้ และคาดว่าจะเริ่มลดสภาพคล่องในระบบ (Quantitative Tightening) ในเดือนพฤษภาคมนี้ ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังดำเนินต่อไปแม้จะมีการเจรจาการอย่างต่อเนื่อง
ผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน
ตลาดหุ้นฟื้นแรงทั่วโลก โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นรายสัปดาห์แรงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2020 หลังประมาณการณ์ดอกเบี้ยระยะยาวของธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับคาดการณ์ครั้งก่อนแม้จะมีการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วในช่วงแรก ขณะที่ตลาดหุ้นจีนทั้ง H-Shares และ Hang Seng ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงหลังภาครัฐของจีนกล่าวว่าสนับสนุนให้บริษัทจีนออกไปจดทะเบียนในต่างประเทศ รวมถึงกล่าวว่าจะสร้างเสถียรภาพให้ตลาดทุนของจีน รวมถึงผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID อีกด้วย
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
ติดตามการประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยุโรป ซึ่งจะบ่งบอกแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรปในช่วง 3-6 เดือน ข้างหน้า โดยหากออกมาต่ำกว่าคาดจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นและติดตามการแถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงประธาน FED สาขาต่างๆ ซึ่งนักลงทุนได้ priced in การขึ้นดอกเบี้ยและการทำ QT ไปมากแล้ว จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาด
มุมมองและกลยุทธ์การลงทุน
-หุ้นไทยยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะกลางยาว แต่ในระยะสั้นอาจเผชิญการปรับลดกำไรต่อหุ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นหากไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังลูกค้า
-Fund flow มีแนวโน้มกลับมาลงทุนในหุ้นกลุ่ม quality growth อีกครั้งหลังปรับตัวลงมาแรงในช่วงก่อนหน้า จน valuation อยู่ในระดับน่าสนใจอีกครั้ง
-นักลงทุนระยะสั้น รับความผันผวนได้สูง ทยอยลงทุน ส่วนนักลงทุนระยะยาวสามารถทยอย DCA ได้
-กองทุนที่น่าสนใจลงทุนเช่น LHDIGITAL, LHCYBER, LHVN, LHSELECT-D และ LHMSFL เป็นต้น นอกจากนี้กองทุน IPO เช่น LHUSFIN ก็มีความน่าสนใจที่จะลงทุนรับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นกัน
ที่มา LH Fund 21 มี.ค. 65
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
